เนื่องด้วยตอนนี้กล่องของทางร้านหมด ออเดอร์ 3-5 เล่มขึ้นไปที่ต้องใส่กล่องจะได้เป็นกล่องพัสดุธรรมดานะคะ ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยค่ะ

บันทึกสังคมบรรจงอักษร

รีวิวหนังสือ you smell like home บ้าน ทะเล และเวลา งานเขียนของคุณ Prisym

“เรื่องราวเหล่านี้ขอมอบแด่ผู้คนที่กำลังแตกสลายแต่พยายามกอบโกยเศษซากความผิดหวังเพื่อประกอบขึ้นใหม่ให้ดีที่สุด ชีวิตอาจจะยากเป็นบางคราวจนคุณแทบทนไม่ไหว แต่โลกนี้ช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน ที่ไหนสักแห่ง ณ มุมใดมุมหนึ่ง เหตุผลในการใช้ชีวิตของคุณอาจกำลังรอให้ถูกค้นพบ ลองตามหาดูเถอะ คุณควรค่ากับการมีชีวิตอยู่เสมอ”

 

you smell like home

บ้าน ทะเล และเวลา

ผู้เขียน : Prisym

ผู้วาด : JAOAONBLUE

สั่งซื้อ คลิกที่นี่

*Trigger Warning*

  • depression

     

     “you smell like home” หรือ “บ้าน ทะเล และเวลา” นวนิยายแนว Sapphic ที่คุณนักเขียนผู้ซึ่งมีนามปากกาว่า “Prisym” ได้รังสรรค์งานเขียนเอาไว้ในแอพลิเคชั่นชื่อดังอย่าง readawrite ที่นักอ่านหลายต่อหลายคนรู้จักกันดีได้ถูกนำมาตีพิมพ์เป็นหนังสือนวนิยายชั้นเยี่ยมเล่มหนึ่งที่จะนำพาให้ผู้อ่านทุกคนได้ก้าวเข้าไปในโลกของ “อาซึกิ” หญิงสาววัย 27 ปีที่เพิ่งตัดสินใจลาออกจากงานและผ่านการสูญเสียคนสำคัญมาได้ไม่นาน และยิ่งไปกว่านั้นอีกเรื่องที่เธอได้ทำการตัดสินใจไปแล้วก็คือ “เธอตัดสินใจที่จะตายในอีก 3 เดือนข้างหน้า” แต่แล้วโชคชะตาก็ได้นำพาหญิงสาวที่ก้มมองแต่ปลายเท้าคู่นี้มาตลอดชีวิตได้พานพบกับใครคนหนึ่ง

 

“คุณอายุเท่าไหร่คะ?”

“ปีนี้คงย่างเข้าสามร้อยเก้าสิบแล้วล่ะมั้ง”

 

ขอเรียนเชิญและยินดีต้อนรับคุณผู้อ่านทุกท่านเข้าสู่ “บ้านพระอาทิตย์” ไปด้วยกันนะคะ

 

     บางคนอาจจะกำลังสงสัยในชื่อเรื่องของนวนิยายเรื่องนี้ คนๆ หนึ่งสามารถมีกลิ่นอายของความเป็นบ้านได้ด้วยงั้นหรือ? เคยได้ยินกันไหมคะว่า คำว่า “house” กับ “home” นั้นต่างมีความหมายที่ซึ่งแปลว่าบ้านเหมือนกัน แต่ในด้านของความรู้สึกและรายละเอียดของความหมายนั้นกลับมีมากกว่านั้นยิ่ง house นั้นหมายถึงตัวบ้านที่ซึ่งถูกก่อสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่พักอาศัย แต่ home นั้นกลับหมายถึงความรู้สึกสบายใจ เหมือนคำกล่าวที่เราบางคนอาจจะเคยได้รับจากใครสักคน หรือเป็นเราเองที่รู้สึกเช่นนั้นกับใครสักคน “สบายใจเหมือนได้อยู่บ้าน” นั่นเอง

 

     เช่นเดียวกันกับความรู้สึกของตัวละครหลักสองคนในเรื่องนี้ที่มีให้กัน “อาซึกิ” หญิงสาวที่เคยคิดว่าหัวใจของตัวเองนั้นแตกสลายไปตั้งแต่ครั้งที่เธอนั้นสูญเสียแม่ บุคคลสำคัญเพียงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างเธอมาตลอดตั้งแต่ลืมตาดูโลกกลมๆ ใบนี้ แต่แล้วโชคชะตาก็พานให้เธอได้มาพบกับ “เรย์” หรือ “คุณเรย์” หญิงสาวร่างเล็กที่โปรดการดื่มชาและจัดดอกไม้ที่ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับอาซึกิไม่น้อยตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบหน้า หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้อายุย่างเข้าสามร้อยเก้าสิบเลยหรือ อาซึกิคิดเช่นนั้น ทั้งสองได้พบและได้ใช้ชีวิตภายใต้ชายคาเดียวกันในช่วงหนึ่งที่ซึ่งเป็นช่วงที่อาซึกิตั้งใจจะหลบหนีปัญหาและเมฆฝนที่คลุ้งอยู่ในจิตใจ การจากไปของคุณแม่ทำให้เธอเสียศูนย์ไม่น้อยจนบางทีคำว่าแตกสลายอาจจะน้อยไปสำหรับหัวใจของเธอในตอนนั้น แต่หารู้ไม่ว่าหัวใจที่เจ้าตัวเคยคิดว่าแตกสลายจนมิอาจสามารถรักใครได้อีกนั้นกำลังเป็นหัวใจดวงเดียวกันกับที่ตอนนี้เธอใช้รักใครคนหนึ่งอยู่

 

     บางครั้งคำว่าบ้านก็อาจจะไม่ได้หมายถึงตัวบ้านที่ซึ่งเป็นรูปธรรมอย่างที่เรามักเห็นกันอยู่เสมอไป อาจจะหมายถึงคนๆ หนึ่งหรือสิ่งๆ หนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้ อุ่นใจยิ่งกว่าโกโก้ร้อนที่ได้ชงดื่มหน้าเตาผิงในฤดูหนาว และได้สัมผัสถึงไออุ่นจากอ้อมกอดของใครคนหนึ่งที่กระชับแน่นแต่กลับปราศจากความอึดอัด ความรู้สึกต่างๆ ที่กล่าวมานั้นล้วนเป็นความรู้สึกที่ใครต่างก็สามารถรู้สึกได้ ถึงจะไม่ได้รู้สึกกับใครสักคนก็อาจจะรู้สึกกับตัวเราเอง หรืออาจจะรู้สึกทั้งกับตัวเองและรู้สึกกับใครสักคนไปพร้อมกันก็ได้ เช่นเดียวกันกับที่ “อาซึกิ” และ “คุณเรย์” ต่างรู้สึกถึงกันเช่นนี้อยู่เสมอ

     

     ความรักนั้นเปรียบได้ทั้งยารักษาและยาพิษ อีกทั้งยังประกอบไปด้วยความสุขและความทุกข์ ถึงจะเป็นสิ่งที่ประกอบไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ที่มิอาจการันตีได้เลยว่าเส้นทางความรักนี้จะโรยด้วยกลีบกุหลาบหรือปราศจากความร้อนใจนั้น แต่เราก็ยังเลือกที่จะรักเมื่อเรารู้สึกอยากจะรัก ถึงแม้ความรักจะไม่นิรันดร์และจำต้องมีปลายทางที่เราประสบพบเจอกับความจากลาก็ตาม เพียงแต่จะเป็นการจากเป็นหรือจากตายก็เท่านั้น เราก็ยังเลือกที่จะรัก ถึงแม้เราจะไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างนิจนิรันดร์แต่การที่เราได้ใช้เวลารักใครสักคนหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตอย่างสุดหัวใจนั้นก็มีค่ามากพอที่จะทำให้คนๆ หนึ่งได้อธิษฐานกับพระเจ้าว่า “ถ้าจะส่งเขามา ขอให้ตลอดกาลมันนานกว่านี้อีกหน่อย” ก็เพียงพอแล้ว เช่นเดียวกันกับความรู้สึกที่หญิงสาวคนหนึ่งผู้ซึ่งใช้ชีวิตบนโลกใบนี้มาได้ย่างสามร้อยเก้าสิบปีคนนี้ที่กำลังมีให้หญิงสาววัย 27 แต่กลับเป็นเพียงสาวน้อยในสายตาของเธอตั้งแต่วันแรกที่ได้พบจนวันนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น

     

     เมื่อพูดถึงคำว่า “เวลา” นั้นผู้อ่านนึกถึงอะไรกันบ้างคะ บางคนอาจจะนึกถึงกฎของเวลาเหมือนดั่งที่เคยได้ยินหรือได้เห็นจากในภาพยนตร์สักเรื่อง บ้างก็อาจจะนึกถึงการใช้ชีวิตที่เร่งรีบและแข่งขันเพื่อที่กลัวว่าเวลาจะล่วงเลยไปก่อนและอาจจะไม่ได้กลับมาทำสิ่งนี้อีก บางคนอาจจะอยากหยุดเวลาเอาไว้ในทุกครั้งที่มีความสุข ทุกคนต่างนึกภาพและความหมายของเวลาที่ต่างกันออกไป แต่กับบางคนนั้นกลับได้หยุดเวลาชีวิตเอาไว้แล้ว แต่การหยุดนั้นไม่ใช่การที่เราสามารถกดหยุดหรือกดปุ่ม go on ดั่งสวิตซ์ไฟได้ หากแต่เวลากลับหยุดอยู่เช่นนั้นและไม่สามารถดำเนินต่อได้อีก ชีวิตของคุณเรย์เป็นเช่นนั้นมานานกว่าสามร้อยเก้าสิบปี แต่เพราะการหยุดของเวลานั้นเองที่คอยหล่อหลอมให้เธอเป็นคุณเรย์ที่ใจเย็น อดทน และมองเห็นทั้งความสุข ความเจ็บปวด และการจากลามานับไม่ถ้วน สุดท้ายแล้วการดำรงชีวิตและประสบการณ์ก็จะหล่อหลอมให้เราเป็นคนใหม่อยู่เสมอ ถึงเราจะไม่สามารถกำหนดกฎของเวลาได้ว่าจะให้มันหยุดนิ่งหรือเดินต่อไป แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะดำรงชีวิตในทิศทางใดและเป็นเราในแบบใดนะคะ

     

     “มาใช้ชีวิตให้สนุกกันเถอะ” คำพูดของคุณเรย์ที่พูดกับหญิงสาวที่แสนสิ้นหวังในชีวิตคนหนึ่งอย่างอาซึกิ นั่นสินะ คำว่านิรันดร์และตลอดกาลนั้นไม่มีอยู่จริงหรอก ฟังแล้วอาจจะรู้สึกเศร้าถ้าคุณกำลังหมายถึงความรักหรือความคะนึงหาที่มีให้ใครสักคน แต่หากหมายถึงความเศร้าในจิตใจนั้นก็เช่นเดียวกัน อาจจะมีบ้างบางวันที่เรามิอาจหลีกเลี่ยงกับปัญหาที่โถมกระหน่ำ อาจจะมีบ้างบางวันที่รู้สึกว่าดีใจที่ได้ตื่นมามีวันที่ดีเช่นนี้ และบ้างก็อาจจะมีบางวันที่รู้สึกว่าไม่อยากจะตื่นมาเห็นแสงอาทิตย์เพื่อรับรู้ว่าต้องใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ไปอีกวัน เราทุกคนล้วนต่างดำรงอยู่เพื่อพบเจอกับเรื่องราวต่างๆ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าอนาคตเราจะต้องพบเจอกับเรื่องอะไรหรือใครบางคนรึเปล่า แต่เชื่อเถอะค่ะว่าความทุกข์ใจที่ทุกคนได้เจอกันในตอนนี้จะไม่มีคำว่าตลอดกาล ทุกอย่างจะเกิดขึ้นและหายไปเช่นเดียวกับเรื่องดีๆ บางเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับเรา เพียงแต่อย่าลืมที่จะเปลี่ยนจากก้มหน้ามองปลายเท้าคู่หนึ่งมาเป็นเงยหน้าขึ้นมามองฟ้าหรือความสุขเล็กๆ รอบตัวบ้างก็พอ และคุณอาจจะได้พบกับเหตุผลของการใช้ชีวิตหรือใครบางคนที่ทำให้คุณรู้สึกว่า จริงๆ แล้วหัวใจที่เคยคิดว่าแตกสลายไปแล้วนั้นมันก็เป็นแค่นามธรรมเพียงเท่านั้น หัวใจก็จะยังเป็นหัวใจเหมือนที่เราได้รู้สึกรักใครสักคนอีกครั้งอย่างนั้นสินะ

     

     เช่นนั้นแล้ว หากใครที่กำลังรู้สึกสิ้นหวังหรือกำลังคิดว่าหัวใจดวงน้อยของเรานี้คงมิอาจรู้สึกรักใครแม้กระทั่งตัวเองได้อีกแล้ว ลองหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านสักหน่อยก็ได้นะคะถ้าหากพบเจอที่ร้านหนังสือสาขาใดก็ตามในประเทศไทย หรือหากตอนนี้คุณกำลังกดเข้ามาหาหนังสือสักเล่มอ่านในร้านกลิ่นหนังสือของเราแล้วกำลังคิดว่า มีไหมนะ สักเล่มที่อ่านแล้วจะสามารถสัมผัสได้ถึงไออุ่น ความรัก ความเข้าใจและความจริงของชีวิตอีกครั้ง ลองตัดสินใจอ่านเล่มนี้ดูก่อนได้นะคะ และคุณอาจจะได้รู้ว่าจริงๆ แล้วหัวใจที่คุณคิดว่ากำลังสิ้นหวังและไม่สามารถประกอบขึ้นใหม่ได้อีกแล้วนั้นอาจจะได้พบเจอกับความอบอุ่นที่ทำให้หัวใจโดนโอบกอดอีกครั้งจากนวนิยายเรื่องนี้ก็เป็นได้

Share on facebook
Share on twitter

Writer

lolitap

lolitap

นักศึกษาฝึกงานที่มือซ้ายถือนิยายแต่มือขวาถือดินสอสีชมพู

บทความที่คุณอาจจะชอบ