เนื่องด้วยตอนนี้กล่องของทางร้านหมด ออเดอร์ 3-5 เล่มขึ้นไปที่ต้องใส่กล่องจะได้เป็นกล่องพัสดุธรรมดานะคะ ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยค่ะ

รู้จักเรา

ร้านกลิ่นหนังสือ สวัสดีค่ะ 🙂 

 

กลิ่นหนังสือ เป็นร้านหนังสือขนาดเล็กที่แอบแฝงตัวอยู่ในโลกออนไลน์มาราวๆ 3 ปีกว่าแล้ว (วันเวลาที่แน่นอนนั้นไม่สามารถระบุได้ เพราะคุณเจ้าของร้านเป็นจำพวกชอบหลงลืมวันเวลาอย่างแท้จริง เธอไม่ค่อยได้นั่งคิดอย่างจริงจังนัก ว่าเริ่มต้นทำร้านหนังสือ ณ วันที่เท่าไหร่ แต่เธอรู้ ว่ามันเริ่มต้นขึ้นอย่างไร 

 

ย้อนกลับไปกลางปี 2560 เธอตัดสินใจขึ้นไปเป็นครูอาสาที่เชียงใหม่เป็นระยะเวลา 4 เดือน เธออยู่ที่นั่น สอนหนังสือ เป็นครูหอ เฝ้าห้องศิลปะ เป็นพี่สาวของเด็กๆ และเป็นบรรณารักษ์ที่ห้องสมุดโรงเรียนด้วย ตลอด 4 เดือนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในช่วงหนึ่งของชีวิตเธอ ช่วงเวลาที่ดี ไม่ได้หมายความว่า ช่วงเวลานั้นจะมีแต่ความสุขเกิดขึ้น อันที่จริงตอนนั้น ยังมีสิ่งที่เธอไม่รู้และต้องปรับปรุงมากมายหลายสิ่ง มีทั้งเรื่องที่ทำให้หัวเราะและเสียน้ำตาหลายครั้ง แต่ว่า — เธอนึกดีใจเสมอที่สิ่งเหล่านั้นล้วนเกิดขึ้นที่นั่น โดยเฉพาะที่ห้องสมุดโรงเรียนแห่งนั้น 

 

คุณคงนึกสงสัยอยู่บ้าง ว่าชื่อ ‘กลิ่นหนังสือ’ ที่เธอตั้งเป็นชื่อร้านนั้น มีความเป็นมาอย่างไร แท้จริงแล้ว เธอไม่ได้หมายถึงกลิ่นที่ได้รับรู้ผ่านจมูกเท่านั้น แต่เธอหมายรวมถึงความทรงจำด้วย ถ้าพูดถึงกลิ่นหนังสือ เธอจะนึกถึงวันนั้น วันที่เดินเข้าไปในร้านหนังสือมือสองในตัวเมืองเชียงใหม่เพื่อเลือกหาหนังสือสักเล่ม ติดไปอ่านที่โรงเรียนที่จะต้องขึ้นไปสอน เธอจะนึกถึง หนึ่งอาทิตย์แรก ที่ลงประกาศขอรับบริจาคหนังสือที่เหมาะกับเด็กและเยาวชน โดยตั้งเงื่อนไขไว้ว่า ต้องเป็นเล่มที่ผู้เป็นเจ้าของรู้สึกชอบและอยากจะส่งต่อให้เด็กๆได้ลองอ่านด้วย เธอนึกถึงวันที่หนังสือมาส่งที่โรงเรียน แล้วเด็กๆวิ่งมาล้อมกล่องเหล่านั้น เธอกับเด็กๆช่วยกันหอบหนังสือ เดินตัดผ่านสนามหญ้าลงไปที่ห้องสมุดที่อยู่ใต้อาคารหลังหนึ่ง (ในบรรดาความทรงจำมากมาย ช่วงเวลาสั้นๆระหว่างเดินผ่านสนามหญ้าและได้พูดคุยจิปาถะกับเด็กๆนั้น กลับดูเหมือนยาวนานที่สุดในความทรงจำ เธอมีความสุข และอยากให้ช่วงเวลานั้นยาวนานขึ้นอีกนิด) 

 

กลิ่นหนังสือทำให้เธอนึกถึงการพาเด็กๆที่อ่าน-เขียนไม่คล่อง ลงไปเรียนที่ห้องสมุดด้วย เธอนึกถึงตอนที่ตัดสินใจปัดฝุ่นห้องสมุดใหม่ และนำหนังสือทั้งหมดลงมาวางไว้หน้าเคาน์เตอร์ยืมคืนเพื่อให้เด็กๆได้มองเห็นถนัดตา เธอจะนึกถึงวันที่ยืนรอคอย และตั้งปนิธานอย่างแน่วแน่ว่า เธอจะชวนนักเรียนคนแรกที่เดินเข้ามาในห้องสมุดในวันนั้นมาเป็นบรรณารักษ์ของโรงเรียน เธอถามเด็กๆว่า มาเป็นบรรณารักษ์ที่ห้องสมุดไหม’ แล้วทุกอย่างก็เริ่มต้นจากคำพูดนี้ เธอนึกถึงวันที่พูดว่า ห้องสมุดสวัสดีค่า’  ‘ห้องสมุด ขอบคุณค่า’ และแม้เด็กๆที่เดินเข้ามาในห้องสมุดจะหัวเราะขำเธอ แต่เธอช่างมีความสุขเสียจริงๆ คำพูดที่เธอพูดประจำตอนอยู่ที่นั่นก็คือ หาหนังสือที่ชอบ และหนังสือที่ใช่ ไม่ต้องรีบค่ะ ถ้ายังไม่ใช่ ก็เปลี่ยนใหม่ได้นะคะ’ เธอมักพูดแบบนี้ เธอยังนึกถึง เด็กนักเรียนสองคน ที่ขอให้เธอเลือกหนังสือแบบเดียวกันสองเล่มให้ และการนั่งอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ยืมคืนในห้องสมุดช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายนในปีนั้น ก็เป็นช่วงเวลาที่เธอได้เฝ้ามองเรื่องราวของพวกเขาด้วย — รักกัน หัวเราะด้วยกัน อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน โกรธกัน ไม่อ่านหนังสือแบบเดียวกัน ไม่เล่นด้วยกัน ดีกัน และวิ่งกลับมาที่ห้องสมุดพร้อมกันอีกครั้ง

 

เด็กๆถามเธอทุกวัน ว่าเล่มไหนสนุกที่สุด แล้วเธอก็หยิบหนังสือเล่มที่ชอบออกมา ตอบเด็กๆว่า หนังสือที่ครูชอบคือเล่มนี้ นี่คือเล่มโปรดของครู— แต่หนังสือเล่มที่ครูชอบ หนูอาจจะไม่ชอบ คนเราชอบอ่านหนังสือไม่เหมือนกัน เดี๋ยวหนูก็จะเจอหนังสือแบบที่หนูชอบค่ะ’

 

เธอจะนึกถึงเสียงสดใสที่เรียกเธอว่า ครูค่า’ ของเด็กน้อยที่ชื่อ ‘กุ๊กกิ้ก’ ที่มักจะดังขึ้นตอนเย็นหลังเข้าแถวหน้าเสาธง พร้อมกับวิ่งลงมาที่ห้องสมุด นั่งลงข้างเธอที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ยืมคืน มีเด็กอีกคนหนึ่งชื่อ จูริ’ เดินตามลงมาเงียบๆ ก่อนจะนั่งขนาบอีกข้างแล้วยกหนังสือขึ้นมานั่งอ่านอย่างใจจดใจจ่อ กุ้กกิ้กวิ่งวุ่นหาหนังสือของตัวเองบ้าง แล้วนั่งลงอ่านบ้างหยุดบ้าง แต่ก็นั่งอยู่เป็นเพื่อนกันตลอดจนกว่าเธอจะปิดหนังสือลง และเดินกลับหอพักพร้อมกัน

 

เธอถามเด็กๆ — อยู่ห้องสมุดมีความสุขมั้ยคะ’ เด็กๆตอบเธอว่า มีความสุขค่ะ’

 

และกลิ่นหนังสือยังทำให้เธอนึกถึงวันสุดท้ายของเทอมด้วย วันที่เธอเดินลงไปที่ห้องสมุด และจัดหนังสือเตรียมไว้อย่างทุกครั้ง เพียงแต่วันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะอยู่ที่นั่น เธอจะไม่ได้กลับเข้ามาในตอนเช้า และเขียนบันทึกยืมคืนให้เด็กๆอีก วันนั้น พี่โอ ภารโรงของโรงเรียนถามเธอเหมือนเคย ว่า ครูจะใช้ห้องสมุดอีกมั้ยครับ’ เธอหันไปมองห้องสมุดอีกครั้ง แล้วตอบพี่โอว่า ไม่ใช้แล้วค่ะ’ แล้วเธอก็วางหน้าที่บรรณารักษ์ของตัวเองลงได้อย่างสนิทใจ ในวันสุดท้ายนั้นเอง

 

กลิ่นหนังสือปะปนกับความทรงจำมากมายของเธอกับเด็กๆที่โรงเรียนแห่งนั้น  บางทีร้านหนังสือแห่งแรกที่เธอเปิดขึ้นมาอาจเป็นที่นั่น ร้านกลิ่นหนังสือ จึงเป็น ‘น้อง’ ของ ‘ห้องสมุดโรงเรียน บ้านห้วยส้มป่อย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่’ เธอเลือกใช้ชื่อว่ากลิ่นหนังสือ เพื่อระลึกถึงช่วงเวลานั้น และระลึกถึงตัวเองด้วย

 

และคุณเจ้าของร้านเธอคิดว่าถ้าอยากให้คุณรู้จัก ร้านกลิ่นหนังสือ อย่างแท้จริง เธอควรจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นั่นด้วย เพราะร้านกลิ่นหนังสือเกิดจากห้องสมุดแห่งนั้น และเติบโตขึ้น ณ ที่แห่งนี้  ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ 🙂