“เราจะคลาดกัน จะเจอกันอีก และจะคลาดกันไปเรื่อยๆ ถ้าระหว่างนั้นเธอบังเอิญเจอรักแท้ก็ไม่ต้องเสียดาย
จะรักใครก็ทุ่มเทรักให้เต็มที่ เสพสุขให้สมวัยเยาว์อันมีค่าของเธอ สัญญาได้ไหม”
ดาวเหนือกลับมายังบ้านเกิด หมู่บ้านต่างจังหวัดที่ทุกสิ่งคงเดิมไม่เคยเปลี่ยน ยกเว้นข่าวลือจากปากแม่ของเขา “บ้านผีสิงในซอยบ้านเรา มีคนย้ายมาอยู่แล้วนะ” แต่ผู้อยู่อาศัยในบ้านหลังนั้นเป็น คน แน่หรือ เขาวางแผนอะไรไว้ คำทำนายถึงคราวเคราะห์ร้ายจากปากหมอดูช่างนินทาบอกว่าเขากำลังเข้าไปพัวพันกับสิ่งเหนือธรรมชาติ และสิ่งนั้นก็กำลังยิ้มเย้ยหยัน ฉุดมือเขาให้ถลำลึกเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวายอีกเรื่องหนึ่ง ‘คอยมองฉันให้ดีล่ะ ดาวเหนือ’
Moonrabbit
เสียงเปียโนพิโรธบรรเลงท่ามกลางอัสนีที่พาดทับราวกับจะตัดท้องนภาให้ขาดวิ่น แปรเปลี่ยนเป็นทำนองรักลื่นหูที่ยลยินแล้วหลงใหล. คือนิยามที่เราขอมอบให้กับนิยายเรื่องนี้ เราอินกับการดำเนินเรื่องผ่านมุมมองของดาวเหนือมาก คิดใจใจว่าเขาช่างสมกับนามดาวเหนือเสียจริง ที่แม้ว่าจะสดใสเปล่งประกายทว่าสูงและโดดเดี่ยวในเวลาเดียวกัน และสมควรแก่เวลาที่จะมีใครสักคนมา ‘ให้แสง’ แก่เขาเสียที. รายละเอียดและเซอไพรส์ถูกซุกซ่อนไว้ให้ประหลาดใจอยู่เสมอ เหมือนกับกำลังแกะกล่องของขวัญที่ผนึกซ้อนกันไว้หลายชั้น จนในที่สุดก็ได้พบกับสิ่งที่เราต้องการอยู่ภายใน. ขอบอกเพียงว่าอ่านเถิด อ่านด้วยความละเมียดละไม แล้วคุณจะไม่เสียใจเลย
Zadie
รู้สึกเหมือนคอยลุ้น คอยติดตามเป็นกำลังใจให้ตัวละคร อบอุ่นหัวใจ ยิ้มตามทุกครั้งที่อ่าน ไม่เสียใจที่ได้อ่านเลยค่ะ