“ไม่ว่าเมื่อไร ถ้าคุณกระโจนมาหาผมเอง ผมก็จะอ้าแขนรอรับไว้”
“ไม่คิดจะเล่าเรื่องเขาคนนั้นให้ฉันฟังบ้างหรือ” ผมยิ้มบางเมื่อเจอคำถามจากพนักงานคนเดียวที่ผมจ้างให้ช่วยดูแลร้านหนังสือเก่ายืนกอดอกถือแก้วกาแฟรอคำตอบ ผมเป็นเพียงนักเขียนรักความสงบ ผู้ใช้ชีวิตเหมือนหอยนางรมในเปลือกหนาเตอะ นักเขียนผู้ซ่อมหนังสือเป็นงานอดิเรก — ผมไม่เคยอยากเล่าเรื่องของเขาคนนั้นให้ใครฟัง แต่ในเมื่อพวกคุณคาดคั้นถามเอาจากผมนัก ผมจึงคิดว่านี่เป็นโอกาสขุดคุ้ยภาพจำเก่าเก็บออกมาคลี่แผ่ ปัดฝุ่น ตากลม ทากาว เข้าเล่มใหม่พร้อมกันเสียเลย
‘ท่านชายมากปริศนา ตัวประหลาด คนพิลึก’ ผมพยายามหาคำจำกัดความให้เขาคนนั้น
เผื่อมันจะทำให้พวกคุณเข้าถึงเนื้อหาใจความที่ผมกำลังจะเล่าได้ง่ายขึ้น
Moonrabbit
ความรู้สึกยามพลิกหน้ากระดาษคงประหนึ่งปลายนิ้วถูกลนด้วยเปลวไฟ หลอมละลายเชื่องช้า ร้อนรุ่มทว่าสุขสม รวยรื่นกลิ่นหอมคล้ายเทียนผสมไม้จากเตาหลอมครั่ง ทั้งรู้ดีอยู่แก่ใจว่าอันตราย แต่ความวาบหวามและกลิ่นอายแห่งความหยั่งรู้กลับท้าทายให้เปิดหน้าต่อไปอย่างเกินต้านทาน.
เพราะความหลงไหลที่มีต่อความตายนั้น
ไม่น้อยไปกว่าความปรารถนาที่มีต่อความรักเลย
ถ้าเปรียบกับดอกไม้ ขออนุญาตเปรียบเขาทั้งคู่กับดอกไอวี่สีเหลืองและโรสแมรี่ ถูกพันธนาการรัดเกี่ยวเนืองแน่นไว้ด้วยเถาวัลย์สีเขียวเข้มที่ทั้งเหนียวแน่นและยืดหยุ่น
ดอกไอวี่สีเหลือง หมายถึง ฉันหลงไหลในตัวคุณ
ส่วนโรสแมรี่ คือการเข้ามาของคุณ ทำให้ชีวิตผมนั้น’มีชีวิตชีวา’
ส่วนเถาวัลย์นั้นคือความซื่อสัตย์นั่นเอง
ขออนุญาตอีกครั้ง ให้คุณได้เดาเอาเองว่าใครคือดอกอะไรก็แล้วกัน
งูสองตัวจะลวงล่อคุณให้ดิ่มด่ำกับแอปเปิลในสวน จนหลงลืมความบาปและความละอายทั้งหลาย ลุ่มหลงมัวเมากับรสชาติและสัมผัสฉ่ำหวานจากผลไม้ต้องห้ามที่หอมหวลราวต้องมนต์
แต่มันคือเรื่องราวที่ดี คุณจะเสียใจถ้าไม่ได้อ่านมัน